อาหารเสริม วิธีการ เก็บรักษาวิตามินและอาหารเสริม ให้มีอายุการใช้งานได้นานขึ้น
วิตามินและอาหารเสริมนั้นเป็นส่วนสำคัญของการทานอาหารและการดูแลตนเองให้มีสุขภาพดี วิตามินและอาหารเสริมนั้นอาจจะมีราคาแพง ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องแน่ใจว่าคุณเก็บมันได้อย่างถูกต้องเพื่อป้องกันไม่ให้การลงทุนของคุณต้องเสียเปล่า ในกรณีส่วนใหญ่คุณจะต้องเก็บวิตามินและอาหารเสริมต่างๆ ในสถานที่มีอุณหภูมิเย็น แห้ง หรือจะเก็บไว้ในตู้เย็น ให้อ่านที่ฉลากเสมอและเก็บมันตามคำแนะนำ ขอให้แน่ใจว่าคุณเก็บวิตามินและอาหารเสริมทั้งหมดให้อยู่ห่างจากเด็กๆ และสัตว์เลี้ยง แม้ว่ามันจะอยู่ในบรรจุภัณฑ์แบบป้องกันเด็กก็ตาม อาหารเสริม
เก็บวิตามินและอาหารเสริมในที่ที่เย็นและแห้ง
หลีกเลี่ยงตู้ลิ้นชักที่ห้องน้ำ. บางคนมักจะเก็บวิตามินและอาหารเสริมต่างๆ ไว้ในลิ้นชักห้องน้ำ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยได้แสดงผลว่าความชื้นในห้องน้ำนั้นจะค่อยๆ ลดประสิทธิภาพและความสามารถของเม็ดวิตามิน คุณภาพที่ลดลงของวิตามินในสภาพที่ชื้นนั้นเรียกว่าภาวะการเยิ้มของยาจากการดูดน้ำ (deliquescence)
- หากเก็บไว้ในที่ที่ชื้น คุณภาพและอายุของผลิตภัณฑ์จะลดลง และนั่นหมายความว่าคุณจะไม่ได้รับสารอาหารทั้งหมดที่คุณเสียเงินจ่ายไป
- นอกจากนี้ การเปิดและปิดขวดวิตามินและอาหารเสริมต่างๆ ในพื้นที่ที่ชื้นจะเป็นการกักความชื้นเล็กน้อยให้ไปอยู่ในขวดในแต่ละครั้ง
- วิตามินบางอย่างมีแนวโน้มที่จะมีคุณภาพลดลงอย่างมากเมื่อเก็บในพื้นที่ที่ชื้น เช่น วิตามินบีที่ละลายน้ำ วิตามินซี ไทอะมีน และวิตามินบี 6
อย่าเก็บยาไว้ในตู้เย็น. วิตามินและแร่ธาตุบางอย่างอาจจะมีคุณภาพลดลงถ้าคุณเก็บมันไว้ในตู้เย็น เพราะมีความชื้นอยู่มากในตู้เย็น ดังนั้นแม้ว่ามันจะมืดและก็เย็น แต่มันก็ไม่แห้ง ให้เก็บวิตามินและอาหารเสริมในตู้เย็นหากฉลากเขียนบอกอย่างเจาะจงเท่านั้น
อย่าเก็บไว้ใกล้ๆ เตาหรืออ่างล้างจาน. ครัวนั้นเป็นพื้นที่ที่ดีในการเก็บวิตามินและอาหารเสริมของคุณ แต่บางครั้งมันมักจะชื้นและมีไขมันที่ระเหยอยู่ในอากาศจากการทำอาหาร ซึ่งมันอาจจะมาเกาะที่ยาของคุณได้ อุณหภูมิและความชื้นในครัวนั้นเพิ่มขึ้นและลดลงเมื่อคุณใช้เตาอบหรือเตาตั้งพื้น
- อ่างล้างจานที่ครัวก็เป็นอีกพื้นที่ที่จะมีความชื้นออกมามาก
- มองหาตู้ที่ด้านในแห้งๆ และอยู่ห่างจากเตาและอ่างล้างจานหากคุณอยากจะเก็บวิตามินและอาหารเสริมในห้องครัว
พิจารณาการเก็บวิตามินและอาหารเสริมในห้องนอน. บางทีห้องนอนของคุณก็คือสถานที่ที่ดีที่สุดในการเก็บอาหารเสริม เพราะว่ามันมีความชื้นผกผันน้อย และปกติแล้วในห้องนอนจะมีอากาศเย็นและแห้ง
- ขอให้แน่ใจว่าคุณได้เก็บอาหารเสริมห่างจากหน้าต่างที่เปิดไว้และห่างจากแสงแดด เพราะมันจะลดประสิทธิภาพของอาหารเสริมได้
- อย่าเก็บมันใกล้กับเครื่องทำความร้อนหรือสิ่งอื่นๆ ที่จะผลิตความร้อน
- ให้เก็บอาหารเสริมไว้ในที่ที่ปลอดภัยและแน่นหนา เก็บในที่ที่เด็กและสัตว์เลี้ยงไม่สามารถเข้าถึงได้ แม้ว่ามันจะอยู่ในบรรจุภัณฑ์ป้องกันเด็กก็ตาม
ใช้ภาชนะกันอากาศ. เพื่อที่จะช่วยป้องกันความชื้น คุณอาจจะเก็บวิตามินและอาหารเสริมในภาชนะกันอากาศ อย่าแกะมันออกจากบรรจุภัณฑ์เดิมของมัน แต่ใส่ทั้งบรรจุภัณฑ์ไปในภาชนะกันอากาศเลย
- ภาชนะแบบใสนั้นก็ดี แต่คุณสามารถใช้ภาชนะที่เป็นสีน้ำตาลหรือที่ย้อมสีก็ได้ ภาชนะที่มีสีเข้มนั้นจะช่วยป้องกันอาหารเสริมจากแสงแดด
เก็บวิตามินและอาหารเสริมในตู้เย็น
อ่านที่ฉลากก่อน. ในบางกรณี คุณควรเก็บวิตามินและอาหารเสริมของคุณไว้ในตู้เย็น แต่จะสามารถทำได้ถ้าฉลากของอาหารเสริมระบุไว้เท่านั้น แม้ว่าวิตามินและอาหารเสริมส่วนใหญ่ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง แต่ก็มีอาหารเสริมบางอย่างที่ต้องเก็บไว้ในตู้เย็น[7]
- ซึ่งอาหารเสริมเหล่านี้ได้แก่ วิตามินแบบน้ำ กรดไขมันที่จำเป็นบางตัว และโพรไบโอติกส์
- โพรไบโอติกส์นั้นมีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งมันอาจจะตายได้ถ้าต้องเผชิญกับความร้อน แสง และอากาศ ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องแช่เย็นมันไว้
- อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่กรดไขมัน วิตามินแบบน้ำ และโพรไบโอติกส์ทุกชนิดที่ต้องเก็บในตู้เย็น ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือต้องตรวจสอบที่ฉลากก่อน
- ส่วนใหญ่แล้วฉลากมักจะระบุว่าอาหารเสริมที่เป็นของเหลวควรเก็บไว้ในตู้เย็นมากกว่าวิตามินและอาหารเสริมรูปแบบอื่นๆ
- วิตามินรวมแบบเม็ดบางชนิดจะต้องเก็บไว้ใตู้เย็นเช่นเดียวกัน
เก็บวิตามินไว้ในภาชนะที่แน่นหนา. ขอให้แน่ใจว่าคุณปิดฝาแน่นๆ เพื่อไม่ให้ความชื้นแทรกซึมเข้าไป การปิดฝาไม่แน่นหมายความว่าคุณปล่อยให้อาหารเสริมของคุณได้รับความชื้นมากเกินไป ซึ่งจะลดคุณภาพของวิตามินและอาหารเสริมอย่างมาก
- เก็บภาชนะที่มีอาหารเสริมให้ห่างจากเด็กและสัตว์เลี้ยง
- แม้ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ป้องกันเด็ก คุณควรแน่ใจว่าเด็กไม่สามารถเข้าถึงได้
เก็บอาหารเสริมแยกออกจากอาหารที่อยู่ในภาชนะกันอากาศ. เก็บอาหารเสริมไว้ในภาชนะกันอากาศคนละใบกับที่ใส่อาหารเพื่อป้องกันการปนเปื้อนที่เป็นไปได้ อาหารที่เน่าเสียในตู้เย็นอาจจะทำให้ยาเสียได้ง่าย ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือเก็บอาหารเสริมในภาชนะกันอากาศแยกออกมา
- หากอาหารที่เสียอยู่ใกล้ๆ อาหารเสริมของคุณ เชื้อราหรือแบคทีเรียอาจจะแพร่กระจายไปที่อาหารเสริมถ้ามันไม่ได้เก็บแยกออกมาอย่างเหมาะสม
- ระลึกไว้ว่าให้เก็บยาและอาหารเสริมในบรรจุภัณฑ์เดิมของมันด้วย
- ภาชนะกันอากาศนั้นไม่ได้กันความชื้นได้ทั้งหมด เพราะคุณจะปล่อยให้มีความชื้นเข้ามาเมื่อไหร่ก็ตามที่เปิดภาชนะ
เก็บวิตามินและอาหารเสริมอย่างปลอดภัย
ให้อ่านที่ฉลากก่อนเสมอ. เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเก็บวิตามินและอาหารเสริมใดๆ ก็ตามอย่างปลอดภัยและเหมาะสม คุณควรเริ่มจากการอ่านที่ฉลากที่บรรจุภัณฑ์ก่อนเสมอ มันจะแนะนำว่าคุณควรเก็บอย่างไรและคุณควรเก็บอาหารเสริมไว้ที่ไหน
- อาหารเสริมบางชนิดนั้นเก็บในวิธีแบบเฉพาะซึ่งจะระบุไว้ที่ฉลาก
- ที่ฉลากอาจจะบอกถึงปริมาณการใช้ที่แนะนำ
- ที่ฉลากอาจจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “วันหมดอายุ” ของวิตามินและอาหารเสริม
- วิตามินและอาหารเสริมบางอย่างนั้นอยู่ได้ไม่นานหลังจากที่คุณเปิดใช้มันแล้ว
เก็บอาหารเสริมให้ห่างเด็กๆ. หากคุณมีเด็กๆ อยู่ที่บ้าน คุณควรระมัดระวังที่จะทำให้แน่ใจว่าคุณเก็บวิตามินและอาหารเสริมใดๆ ก็ตามหรือสารที่อาจจะเป็นพิษ ไว้ในที่ที่ปลอดภัย คุณควรจะเก็บให้ห่างจากเด็กๆ ในตู้หรือชั้นสูงๆ คุณอาจจะล็อคตู้ด้วยก็ได้ และเก็บอาหารเสริมไว้ในบรรจุภัณณ์ป้องกันเด็กด้วย
- ที่ภาชนะควรจะมีฝาปิดแบบป้องกันเด็ก แต่คุณก็ควรดูแลเพื่อให้แน่ใจว่ามันอยู่ห่างจากเด็กๆ จริงๆ
- วิตามินและอาหารเสริมทุกชนิดอาจจะเป็นอันตรายได้หากเด็กบริโภค
- วิตามินและอาหารเสริมผลิตในสูตรของผู้ใหญ่ซึ่งก็จะมีปริมาณที่ไม่เหมาะสมกับเด็กๆ
อย่าใช้มันหลัง “วันหมดอายุ”. ถ้าคุณเก็บวิตามินและอาหารเสริมอย่างดีและมีประสิทธิภาพ คุณก็จะรักษาคุณค่าของมันได้ในระยะเวลานาน แต่คุณไม่ควรทานอาหารเสริมหรือวิตามินใดๆ ถ้ามันเลย “วันหมดอายุ” ที่ฉลากไปแล้ว
กินวิตามินตอนไหน ดีสุด ได้ประโยชน์สุด คุ้มค่าเงิน
กินวิตามินตอนไหน ดีสุด
ปัจจุบัน แม้การกินอาหารในแต่ละวันให้ครบคุณค่าทางโภชนาการจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมีผลิตภัณฑ์วิตามินและอาหารเสริมออกมามากมาย เป็นตัวเลือกให้กินเสริมยามขาดแคลนกันได้ง่ายๆ แต่ด้วยกระบวนการดูดซึมของร่างกายนั้นซับซ้อน แค่กินเฉยๆ อาจไม่พอ ต้องกินให้ถูกจังหวะและเวลาด้วย วันนี้เราจึงมีคำแนะนำดีๆ ว่าควร กินวิตามินตอนไหน ถึงจะได้ประโยชน์สูงสุดมาฝาก
กินวิตามินกับอาหาร
วิตามินเอ ดี อี เค คือวิตามินที่ละลายในไขมัน ร่างกายจะดูดซึมวิตามินเหล่านี้ได้ดีเมื่อกินร่วมกับอาหารที่มีไขมัน เช่น นม โยเกิร์ต อะโวกาโด (ในมุมมองของอาหารสุขภาพ) ซึ่งปัจจุบันก็มีวิตามินหลายยี่ห้อมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ ช่วยให้กินง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกินร่วมกับอาหาร
การศึกษาที่ตีพิมพ์ลงใน Journal of the Academy of Nutrition and Dietetics พบว่ามนุษย์จะดูดซึมวิตามินดี3มากขึ้น 32 เปอร์เซ็นต์เมื่อกินร่วมกับอาหารที่มีไขมัน เปรียบเทียบกับอาหารไม่มีไขมัน
อาหารเสริมและวิตามินที่ละลายในไขมันอื่นๆ เช่น โคคิวเท็น เคอร์คิวมิน
ทำไมต้องกินอาหารเสริมร่วมกับอาหาร
อาหารเสริมบางอย่าง กินร่วมกับอาหารจะดีที่สุด เพราะบางชนิดอาจต้องใช้ไขมันในการดูดซึม การกินร่วมกับอาหารที่มีไขมันเล็กน้อยจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
การกินอาหารเสริมและวิตามินร่วมกับอาหารอาจช่วยลดการเกิดภาวะท้องเสีย และดีต่อระบบย่อยอาหารมากกว่าการกินตอนท้องว่าง ในกรณีของคนที่ท้องค่อนข้างเสาะ กินร่วมกับอาหารจะช่วยให้ชัวร์ขึ้น
แล้วการกินวิตามินร่วมกันหลายตัวล่ะ
การกินวิตามินที่ละลายในไขมันร่วมกันอาจทำให้ไม่สบายกะเพาะอาหารแม้จะกินร่วมกับอาหารก็ตาม ซึ่งแนะนำให้ทดลองกินร่วมในปริมาณที่แนะนำต่อวันในแต่ละชนิดดูก่อน แล้วสังเกตอาการ
ว่าด้วยการกินมัลติวิตามิน
การกินมัลติวิตามินที่ดีที่สุดคือกินร่วมกับอาหารและดื่มน้ำมากๆ ผู้คนนิยมกินมัลติวิตามินกับมื้ออาหาร และมื้อกลางวันเป็นตัวเลือกที่ดี และสารอาหารจะทำงานได้ดีเมื่ออยู่รวมกัน ดังนั้น อาหารมื้อใหญ่จึงช่วยให้กระบวนการดูดซึมต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาหารเสริม
ถึงอย่างไร การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเมื่อต้องเพิ่มหรือเปลี่ยนการรับประทานอาหารเสริมและวิตามินต่างๆ ย่อมดีที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายจะได้รับประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
10 ประโยชน์ของวิตามินบี 3
- วิตามินบี 3 (ไนอะซิน, ไนอะซินาไมด์, กรดนิโคตินิก, นิโคตินาไมด์) (Niacin) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ มีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม (มก. หรือ mg.) เป็นวิตามินที่มีความเสถียรมาก ทนต่อความร้อนจากการปรุงอาหารและการเก็บรักษาโดยสูญเสียประสิทธิภาพน้อยมาก ร่างกายของเรานั้นสามารถสร้างไนอะซินขึ้นเองได้โดยใช้กรดอะมิโนทริปโตเฟน สำหรับผู้ที่ร่างกายขาดวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 จะไม่สามารถสร้างวิตามินบี 3 จากทริปโตเฟนได้
- นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศ เอสโตรเจน โพรเจสเทอโรน เทสโทสเตอโรน เช่นเดียวกับคอร์ติโซน ไทรอกซิน และอินซูลิน มีความจำเป็นต่อระบบประสาทและการทำงานของสมองและสุขภาพ บุคลิกภาพจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงหากร่างกายคุณขาดไนอะซิน
- แหล่งที่พบวิตามินบี 3 ตามธรรมชาติ ได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อไม่ติดมัน เนื้อขาวจากพวกสัตว์ปีก ตับ โฮลวีต จมูกข้าวสาลี ถั่วลิสง อะโวคาโด อินทผลัม ลูกพรุน มะเดื่อฝรั่ง บริเวอร์ยีสต์ เป็นต้น
- ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด อาจมีแนวโน้มเป็นโรคเกาต์หรือมีอาการปวดตามข้อได้ หากในร่างกายคุณมีไนอะซิน มากเกินไป หรืออาจมีอาการร้อนวูบวาบ หน้าแดง คันตามตัวเมื่อรับประทานเกินกว่า 100 มิลลิกรัม และอาจทำให้ผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวานมีปัญหาต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือด หรือส่งผลให้อาการของโรคเบาหวานรุนแรงขึ้นได้ และอาจทำให้ตับทำงานผิดปกติได้ เพราะไนอะซินในร่างกายที่มีสูงมากเกินไปจะส่งผลต่อการควบคุมน้ำตาลในร่างกาย
- โรคจากการขาดวิตามินบี 3 ได้แก่ โรคเพลลากรา (Pellagra) ลักษณะอาการคือเป็นผื่นผิวหนังอักเสบรุนแรง
ประโยชน์ของวิตามินบี 3
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
- วิตามินบี 3 มีความจำเป็นต่อระบบประสาทและการทำงานของสมอง
- ช่วยเผาผลาญไขมันและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น บรรเทาปัญหาต่าง ๆ ของระบบย่อยอาหาร
- วิตามินบี 3 ช่วยบำรุงผิวพรรณ
- บรรเทาอาการปวดศีระษะจากไมเกรน
- เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดความดันโลหิต
- วิตามินบี 3 ช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง
- ลดอาการวิงเวียนศีรษะของโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
- ช่วยเพิ่มพลังงานที่ได้จากการย่อยและเผาผลาญอาหาร
- ช่วยรักษาอาการร้อนในและกลิ่นปาก